คำว่า “ฝัน” อธิบายไว้ว่า หมายถึง “การเห็นเป็นเรื่องเป็นราวเมื่อหลับ” บางคนถือว่าความฝันเป็นสิ่งที่มีอิทธิพลกับชีวิต จนถึงขั้นทำให้ชีวิตพลิกผันได้
คำว่า “ทำนาย” หมายถึง “การบอกล่วงเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้น” หรือ “การบอกล่วงความจริง” หรือ “การบอกล่วงสิ่งที่จะเกิดขึ้น” หรือ “การบอกล่วงล่วงสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต”
คำว่า “ฝัน” และ “ทำนาย” ถ้านำมาเข้าด้วยกัน จึงมีความหมายว่า “การบอกล่วงล่วงเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นเมื่อหลับ” หรือ “การบอกล่วงล่วงความจริงเมื่อหลับ” หรือ “การบอกล่วงล่วงสิ่งที่จะเกิดขึ้นเมื่อหลับ” หรือ “การบอกล่วงล่วงสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตเมื่อหลับ”
คนโบราณเชื่อว่า ระยะเวลาที่เกิดฝันนั้นก็มีอิทธิพลต่อการทำนายฝันด้วยเช่นกัน โดยเชื่อว่า
อาจเป็นการบอกเหตุจากพระภูมิเจ้าที่ ผีบ้านผีเรือน หรืออาจเป็นสิ่งที่เกิดจากความรู้สึกนึกคิดของผู้ฝันเอง เป็นสิ่งที่ไม่แน่ชัดว่าจะสามารถบอกเหตุได้หรือไม่
เชื่อว่าลางบอกเหตุของฝันช่วงนี้จะเกิดขึ้นราวครึ่งปีนับจากวันที่ฝัน
เชื่อว่าลางบอกเหตุจากฝันนี้จะเกิดขึ้นราว 1-3 เดือนนับจากวันที่ฝัน
เชื่อว่าลางบอกเหตุจากฝันนี้จะเกิดขึ้น 3-15 วันนับจากวันที่ฝัน
เชื่อว่าลางบอกเหตุจากฝันนี้จะเกิดขึ้น 1-7 วันนับจากวันที่ฝัน
แต่บางคนกลับเชื่อว่าความฝันจะเป็นจริงได้หรือไม่ขึ้นอยู่กับโชคชะตาหรือบุญวาสนาของคนผู้นั้น บางคนก็นำเอาความฝันมาคำนวณเป็นเลข แล้วนำตัวเลขนั้นไปเสี่ยงโชค ซึ่งรูปแบบของผลแห่งฝันจะออกมาในทิศทางใดก็ขึ้นอยู่กับวิจารณญาณและวิถีความเชื่อของแต่ละคน ซิกมันด์ ฟรอยด์ นักจิตวิเคราะห์ผู้มีชื่อเสียงได้กล่าวเอาไว้ว่า ความฝันเป็นสิ่งที่มีความสัมพันธ์กับประสบการณ์ในชีวิตจริง คือเป็นการปลดปล่อยความรู้สึกและความต้องการในระดับจิตใต้สำนึกให้ออกมาในรูปของสัญลักษณ์
ส่วนในทางพระพุทธศาสนาก็ได้กล่าวถึงเหตุแห่งฝันไว้ 4 ประการ คือ ฝันเพราะธาตุกำเริบ คือ ธาตุในร่างกายแปรปรวนทำให้ฝัน ฝันเพราะจิตอาวรณ์ คือ ฝันถึงอารมณ์ที่ตนเคยผ่านมาแล้ว ฝันเพราะเทพสังหรณ์ คือ เทพยดาดลให้ฝัน ฝันเพราะบุพนิมิต คือ เป็นนิมิตอันเกิดจากบุญและบาป
อย่างที่ได้กล่าวไปแล้วว่าเรื่องราวเกี่ยวกับความฝันนั้นผูกพันกับสังคมไทยมาช้านาน แม้ความฝันจะเป็นเรื่องที่เกี่ยวพันกับความเชื่อเสียเป็นส่วนใหญ่ แต่ก็นับว่าเป็นเรื่องที่น่าสนใจไม่น้อยในแง่ของการตีความและความมหัศจรรย์ของฝันบอกเหตุ